“ประยุทธ์” หนุนให้ใช้ “ฟ้าทะลายโจร” รักษาอาการผู้ติดเชื้อโควิด-19 ควบคู่กับยาฟาวิพิราเวีย

ไฮไลท์การเมือง : “ประยุทธ์” สนับสนุนการใช้ “ฟ้าทะลายโจร” รักษาอาการเจ็บป่วยผู้ติดเชื้อโควิด-19 ควบคู่กับยาฟาวิพิราเวีย

25 พ.ค.64 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สนับสนุนการใช้ “ฟ้าทะลายโจร” ควบคู่กับยาฟาวิพิราเวียในการรักษาอาการเจ็บป่วยของผู้ติดเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะผู้ติดเชื้อที่มีภาวะอักเสบ ซึ่งกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ได้ยืนยันว่า “ฟ้าทะลายโจร” ไม่มีฤทธิ์ป้องกันโควิด-19 แต่อาจใช้เพื่อปรับระบบภูมิคุ้มกันได้

ทั้งนี้ ข้อมูลจากกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ยืนยันว่า “ฟ้าทะลายโจร” มีแอนโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide) ซึ่งเป็นสารสำคัญมีฤทธิ์ต้านไวรัส และในการวิจัยพบว่า สามารถฆ่าไวรัสในหลอดทดลอง และยังฆ่าเชื้อแบคทีเรียบางตัวในหลอดทดลองได้ด้วย  นอกจากนี้ “ฟ้าทะลายโจร” ยังเป็นยาลดไข้ บรรเทาอาการหวัดที่ดี และลดการอักเสบ โดยได้ใช้เป็นยาในบัญชียาหลักในการรักษาโรคหวัดตั้งแต่ปี 2559  และสำหรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีภาวะอักเสบ “ฟ้าทะลายโจร” สามารถช่วยลดการอักเสบและส่งเสริมภูมิคุ้มกันได้ ซึ่งในปัจจุบันประเทศไทยกำลังศึกษาวิจัยเพิ่มเติมการใช้ “ฟ้าทะลายโจร” เพื่อป้องกันโควิด-19 อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปัจจุบันประชาชนยังมีจำเป็นต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 และปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข D-M-H-T-T เพื่อป้องกันการแพร่หรือติดเชื้อโรคไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เน้นย้ำความสำคัญในการดูแลความปลอดภัยสุขภาพสูงสุด เพราะคนไทยทุกคนคือกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศหลังวิกฤตโควิด-19 คลี่คลาย

นายอนุชา กล่าวว่า “นอกจากเรื่องการรักษาโควิด-19 ด้วยยาจากสมุนไพรไทยแล้ว ปัจจุบันความต้องการสมุนไพรในตลาดโลกมีเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องจากกระแสความใส่ใจในการดูแลสุขภาพ การป้องกันโรคด้วยวิถีธรรมชาติด้วยผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการและอุตสาหกรรมสมุนไพรไทย ดังนั้น รัฐบาลจึงเร่งผลักดันให้ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกวัตถุดิบสมุนไพรคุณภาพและผลิตภัณฑ์สมุนไพรชั้นนำในภูมิภาคอาเซียน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสมุนไพรไทยในตลาดต่างประเทศ ซึ่งสมุนไพรและเครื่องเทศในตลาดโลกมีมูลค่าสูงถึง 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รวมทั้งมั่นใจว่าสมุนไพรไทยจะช่วยสร้างมูลค่าให้กับอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น เครื่องสำอาง และอาหารเสริม ตามนโยบาย BCG ของท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลด้วย”

Advertising

Related posts

ปีใหม่ 2568 รัฐบาลรณรงค์ “ดื่มไม่ขับ กลับบ้านปลอดภัย” เผยสถิติอุบัติเหตุย้อนหลัง 3 ปี ขับรถเร็วคร่าชีวิตสูงสุด

นายกฯ เผย “คำชม” เป็นแรงผลักดัน “คำติ ” เป็นพลังให้เร่งพัฒนาแก้ไข ยืนยันยิ่งโพลออกมาดี รัฐบาลก็ต้องยิ่งเร่งสปีดทำงาน

“ภูมิธรรม” เยือนเวียดนาม กระชับสัมพันธ์-หนุนมั่นคง