ไฮไลท์การเมือง : 10 ก.พ. 65 เป็นที่คาดกันว่าในช่วงไม่กี่สัปดาห์ต่อจากนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ จะเปิดเผยรายละเอียดสำหรับการเจรจาเรื่องกรอบความตกลงทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิกหรือ Indo-Pacific Economic Framework เพื่อเติมเต็มช่องว่างเรื่องข้อตกลงการค้ากับกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิก หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ถอนสหรัฐฯออกจากข้อตกลง TPP เมื่อห้าปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ด้านการค้าระหว่างประเทศหลายคนเชื่อว่าข้อเสนอใหม่ดังกล่าวอาจไม่ได้รับการตอบรับเท่าที่ควรหากวอชิงตันยังไม่พร้อมให้ประเทศคู่ค้าต่างๆเข้าถึงตลาดในประเทศของสหรัฐฯเอง
ในช่วงห้าปีที่ผ่านมานี้สหรัฐฯไม่มีข้อตกลงด้านการค้าใดๆ ที่จะเสนอให้กับกลุ่มประเทศในย่านเอเชียแปซิฟิกหลังจากที่รัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์ตัดสินใจถอนสหรัฐฯออกจากข้อตกลงการค้าเสรี TPP ซึ่งประธานาธิบดีโอบามาเป็นผู้ริเริ่มไว้ แต่เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วทำเนียบขาวได้เปิดเผยคำแถลงของประธานาธิบดีไบเดนที่ว่า วัตถุประสงค์ของกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิกดังกล่าวคือการกำหนดเป้าหมายร่วมกันในเรื่องการอำนวยความสะดวกด้านการค้า การสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับระบบเศรษฐกิจดิจิตัลและเทคโนโลยี ความยืดหยุ่นและความคล่องตัวของระบบซัพพลายเชน การลดการผลิตก๊าซคาร์บอนและการใช้พลังงานสะอาด ระบบโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ มาตรฐานด้านแรงงาน รวมทั้งเรื่องอื่นๆ ซึ่งแต่ละประเทศมีความสนใจร่วมกัน
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯหลายคน เช่น Sarah Bianchi รองผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ฝ่ายภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้กล่าวว่ายังมีเรื่องที่ต้องตระเตรียมก่อนที่จะสามารถจัดทำแผนงานอย่างเป็นทางการได้ อย่างไรก็ตามขณะนี้วอชิงตันก็มีเนื้อหาอยู่พอสมควรสำหรับข้อตกลงการค้าเสรีฉบับใหม่ซึ่งจะนำเสนอต่อกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิกนี้แล้ว
นักวิเคราะห์ด้านการค้า Gary Hufbauer จากสถาบันเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศปีเตอร์สันได้ตั้งคำถามว่า วอชิงตันจะสามารถบรรลุเป้าหมายตามที่ต้องการได้หรือไม่หลังจากที่ได้ส่งสัญญาณออกไปแล้วว่าจะไม่สามารถให้โอกาสเพื่อการเข้าถึงตลาดในสหรัฐฯได้มากขึ้นแก่ประเทศคู่ค้าที่ต้องการ เพราะหากทำเช่นนั้นก็คงจะต้องพบกับการคัดค้านทั้งจากฐานคะแนนส่วนใหญ่ของพรรคเดโมแครตรวมทั้งจากสมาชิกของพรรครีพับริกันอีกหลายคนด้วย
ซึ่งในประเด็นนี้ William Reinsch จาก Center for Strategic and International Studies ได้บอกกับวีโอเอว่า หากไม่มีการแก้ไขกฎเกณฑ์เรื่องการเข้าถึงตลาดในสหรัฐแล้วเรื่องดังกล่าวก็คงไม่ช่วยสร้างแรงจูงใจให้กับประเทศคู่เจรจาโดยเฉพาะประเทศเล็กๆ ซึ่งคงจะได้รับแรงคัดค้านจากจีนและคงไม่ตัดสินใจเข้าร่วมหากไม่เห็นว่าผลประโยชน์ที่อาจได้จะมีน้ำหนักมากกว่าแรงต้านจากจีน โดย William Reinsch สรุปว่าหากนำเรื่องโอกาสการเข้าถึงตลาดของสหรัฐฯ ออกจากโต๊ะเจรจาแล้วก็คงแทบไม่เหลืออะไรที่จะเจรจากัน
ขณะที่ Gary Hufbauer จากสถาบันเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศปีเตอร์สันก็เห็นด้วยในแง่ที่ว่าวอชิงตันคงไม่สามารถได้คำมั่นสัญญาในเรื่องต่างๆ ตามที่ตั้งเป้าไว้มากนักจากประเทศคู่เจรจาเพราะประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอาจจะทำเพียงแค่ให้สัญญาอย่างคลุมเครือว่าจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดตามคำขอของสหรัฐฯ เนื่องจากประเทศคู่ค้าเหล่านี้คงไม่ยอมตกลงในข้อผูกพันใดๆ ตามที่สหรัฐฯตั้งเป้าไว้สำหรับกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโดแปซิฟิก นอกเสียจากว่าสหรัฐฯจะยอมผ่อนปรนเพื่อให้ประเทศเหล่านี้สามารถเข้าถึงตลาดของตนได้มากขึ้น ซึ่งก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลสหรัฐฯยังไม่พร้อมที่จะทำในขณะนี้
Advertising