ไฮไลท์การเมือง : 20 กรกฎาคม 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางออกจากพรรคเพื่อไทย ว่า ตนไม่ได้มีส่วนกับคณะเจรจาจึงไม่ได้เข้าร่วมประชุมระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลวันนี้ (20 ก.ค.) ซึ่งตนได้ฟังแกนนำพรรคเพื่อไทยเล่าถึงการพูดคุยระหว่างสองพรรคแต่ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยบอกให้ต่างฝ่ายต่างกลับไปพูดคุยกัน และขอให้รอนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทยเป็นผู้ชี้แจง
เมื่อถามว่าหากหลังวันที่ 25 กรกรฎาคม พรรคเพื่อไทยเคาะรายชื่อแคนดิเดตจะไม่ช้าไปใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่าไม่ช้าไป เพราะยังมีเวลา เนื่องจากจะมีการโหวตในวันที่ 27 กรกฎาคม และต้องให้เกียรติ 8 พรรคที่ทำงานร่วมกันมา ซึ่งพรรคอันดับ 1 ก็ต้องกลับไปเจรจา
เมื่อถามว่าแม้ยังไม่ได้ขึ้นในตำแหน่ง นายกฯ แต่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ก็มีหลักฐานเตรียมแบล็คเมล์ นั้น นายเศรษฐาระบุว่า ตนว่าใช้คำว่าแบล็คเมล์กับนายชูวิทย์ ก็แรงเกินไป เขาบอกว่ามีข้อมูลมา ตนทำธุรกิจมานานก็มั่นใจ ว่าบริษัทเก่าที่ทำมาก็ทำมาด้วยดี ไม่ได้มีอะไร
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าจะถูกแฉเหมือนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล นายเศรษฐานิ่งและยิ้ม แต่ไม่ตอบคำถาม จนผู้สื่อข่าวต้องถามย้ำว่ากังวลหรือไม่อีก 2 ครั้ง ซึ่งนายเศรษฐา จึงถามกลับว่า “กังวลว่า” ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่าจะถูกแฉเหมือนที่นายพิธาเคยโดน นายเศรษฐา จึงตอบว่า “เขาก็แฉกันมาตลอด ตั้งแต่วันแรกที่เดินเข้ามา เขาก็บอกว่าจะมีเรื่องแฉ ก็ไม่เป็นไร และเข้าใจว่ามาอยู่ตรงนี้แล้วต้องระมัดระวังเป็นธรรมดา พร้อมยืนยันมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเอง แต่ก็ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องอะไร ก็ปล่อยไปก็แล้วกัน”
ส่วนพร้อมแสดงวิสัยทัศน์หากถูกเสนอชื่อหรือไม่ นายเศรษฐา บอกว่า คอยนิดหนึ่งดีกว่า ต้องให้เกียรติพรรคร่วมก่อน
เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่านายเศรษฐาวางเงื่อนไขหากถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐากล่าวว่า “ผมยังไม่เห็นเงื่อนไขของผมเองเลย ไม่รู้ว่าเป็นข่าวลือกันหรือเปล่า ไม่แน่ใจ ให้รอ 8 พรรคพูดคุยหาข้อสรุปเป็นบรรทัดฐานออกมา มีการแถลงและเดินไปอีกขั้นก่อนดีกว่า และผมพร้อมก็จะบอก ตอนนี้ไม่มีอะไรที่อยากแถลงหรือมีข้อกำหนดเงื่อนไขอะไร ไม่มี”
เมื่อถามย้ำว่าเงื่อนไขดังกล่าว คือ ต้องไม่มีพรรคประชาธิปัตย์และรวมไทยสร้างชาติ และขอเป็นคนจัดตั้งตำแหน่งรัฐมนตรีเอง นายเศรษฐา กล่าวว่า “จัดต้้ง มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ มันเป็นรัฐบาลผสม เดี๋ยวต้องว่ากันอีกที”
ส่วนเงื่อนไขจะร่วมกับใครหรือไม่นั้น เป็นหน้าที่กรรมการบริหารพรรคพิจารณา ก่อนจะเดินทางออกจากพรรคเพื่อไทยทันที
Advertisement