ไฮไลท์การเมือง : 15 สิงหาคม 2566 นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล เปิดเผยว่าที่ประชุม สส.พรรคก้าวไกล มีมติเป็นเอกฉันท์ไม่โหวตให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองที่จัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้วในตอนนี้ เพราะไม่ต้องการสนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลที่ขัดเจตนารมณ์ของประชาชนจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ด้วยเหตุผลใน 3 ประการดังนี้
1.รัฐบาลผสมข้ามขั้วที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มีการนำพรรครัฐบาลขั้วเดิมเกือบทั้งหมดมาร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วย เท่ากับขัดต่อเจตนารมณ์ของประชาชนที่แสดงออกอย่างชัดเจนในวันเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566 ว่าต้องการพลิกขั้วรัฐบาล
2.การที่พรรคก้าวไกลจะโหวตให้แคนดิเดตนายกรัฐบาลผสมข้ามขั้วนี้ ไม่ใช่การปิดสวิตช์ สว. ตามที่มีการกล่าวอ้าง แต่เป็นการเดินตาม สว. เพื่อปิดสวิตช์ก้าวไกล เพราะหากทุกพรรคการเมือง มีเจตนาที่จะปิดสวิตช์ สว. และเคารพเจตจำนงของประชาชนอย่างแท้จริง ก็ต้องแสดงออกโดยการโหวตให้รัฐบาลเสียงข้างมากที่จัดตั้ง โดยก้าวไกลตั้งแต่แรก ไม่ใช่การจัดตั้งรัฐบาลตามความต้องการของ สว. และอ้างว่า ปิดสวิตช์ สว.
3.แม้ขณะนี้จะยังไม่มีความชัดเจนเรื่ององค์ประกอบคณะรัฐมนตรี แต่เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าหน้าตาคณะรัฐมนตรีจะไม่แตกต่างจากรัฐบาลเดิมมากนัก พรรคก้าวไกลไม่เชื่อว่าการจัดตั้งรัฐบาลโดยเกรงใจผู้มีอำนาจ แต่ไม่เกรงใจประชาชน จะผลักดันวาระที่ก้าวหน้าและนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงแก้ไขปัญหาให้ประชาชนอย่างแท้จริงได้
นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ สส.ก้าวไกล เอกฉันท์ ส่วนสถานการณ์การเลือกนายกรัฐมนตรี และการจัดตั้งรัฐบาลหลังจากนี้ ต้องดูว่าเป็นอย่างไรต่อ อาจโหวตนายกฯไม่จบในครั้งเดียว แต่ที่ประชุมในวันนี้มีการพิจารณาวาระสำคัญประเด็นเดียวคือการโหวตนายกฯ ส่วนเรื่องอื่น ๆ เป็นเรื่องของอนาคต
เมื่อถามว่า การจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้วดังกล่าว พรรคก้าวไกลจะสามารถร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยได้อยู่หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า เรื่องการจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้วตอนนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ได้แสดงออก ส่งเสียงผ่านการเลือกตั้ง 2566 ชัดเจนแล้วว่า ต้องการพลิกขั้วรัฐบาล ต้องการเห็นพรรคชนะลำดับ 1-2 แกนนำพรรคฝ่ายค้านเดิม ต้องการเห็นฝ่ายค้านเดิมบริหารประเทศแทนขั้วรัฐบาลเดิม แต่ตอนนี้ไม่ได้เป็นแบบนั้น ไม่เป็นไปตามเจตจำนงของประชาชน และมีการพูดคุยกันอยู่เหมือนกันว่า ความคลุมเครือที่ไม่ได้ประกาศชัดเจนว่า จะมีพรรคไหนเข้าร่วมรัฐบาล ยิ่งเพิ่มไม่ไว้วางใจกับประชาชน
เมื่อถามว่า หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า สามารถเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นแคนดิเดตนายกฯอีกรอบได้ จะเสนอชื่อแข่งหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า คนละประเด็น คิดว่า การเสนอชื่อซ้ำได้ เราเห็นด้วยอยู่แล้ว เป็นเรื่องหลักการ ไม่ได้เกี่ยวกับเสนอชื่อนายพิธาเป็นนายกฯอีกหรือไม่ แต่นี่คือหลักการที่ควรเป็นแบบนั้น ต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องเรื่องนี้ พรรคก้าวไกลจะเสนอญัตติให้ทบทวนมติเดิมของรัฐสภาในการตีความข้อบังคับ เราไม่เห็นด้วยที่มีการส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสภาทำอะไรได้ ไม่ได้
เมื่อถามย้ำว่า ในการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯที่กำลังจะถึงนี้ พรรคก้าวไกลจะเสนอชื่อนายพิธาแข่งด้วยหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า “ไม่ ๆ ไม่ได้เสนอแข่ง”
เมื่อถามว่า หลังจากนี้หมายความว่าพรรคก้าวไกล ปิดประตูต่อรองกับพรรคเพื่อไทยแล้วใช่หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ปิดประตูต่อรองหมายถึงอะไร หมายความว่า ต่อรองว่าแม้จะเป็นฝ่ายค้าน แล้วมีข้อตกลงอะไรกับแกนนำพรรครัฐบาลหรือไม่ ถ้าเรื่องนี้คงไม่มี เพราะอย่างที่ย้ำเหตุผลหนึ่ง เป็นเหตุผลประกอบที่จะไม่โหวตแคนดิเดตนายกฯ ของรัฐบาลที่กำลังจัดตั้ง เราไม่เชื่อว่า การจัดตั้งรัฐบาลในสภาพการณ์แบบนี้ คือเกรงใจผู้มีอำนาจทุกฝ่าย ยกเว้นประชาชน จะสามารถผลักดันวาระของประชาชนที่ก้าวหน้าได้จริง ๆ ต่อให้รับปากอะไรกัน ก็ไม่เป็นผลในการปฏิบัติอนาคตอยู่แล้ว ส่วนเรื่องใดถ้าก้าวไกลเสนอ อนาคตถ้าเราเป็นฝ่ายค้าน ถ้าประชาชนสนับสนุนอย่างชัดเจน เชื่อว่าเสียงส่วนใหญ่ในสภาจะสนับสนุนข้อเสนอเราอยู่แล้ว โดยไม่ต้องทำข้อตกลงอะไรกัน
เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกลจะโหวตไม่เห็นด้วย หรืองดออกเสียง นายชัยธวัช กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกัน แต่ที่ชัดเจนคือ จะไม่โหวตให้ ส่วนจะถึงกับลงคะแนนว่าไม่เห็นชอบ หรืองดออกเสียง คงต้องดู มีรายละเอียดต้องพิจารณาถึงรัฐบาลที่กำลังจะจัดตั้งขึ้นด้วย เช่น องค์ประกอบเป็นอย่างไร อย่างเป็นทางการ เป็นต้น
เมื่อซักอีกว่า หากมี 2 ลุงจะลงคะแนนเสียงไม่เห็นชอบใช่หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า เชื่อว่าถ้ามี 2 ลุง สส. ส่วนใหญ่คงเสนอให้โหวตไม่เห็นชอบ แต่ถ้าไม่มีก็อาจงดออกเสียง ต้องบอกว่าวันนี้ยังไม่ได้ลงรายละเอียด ที่แน่นอนคือจะไม่โหวตเห็นชอบ
เมื่อถามว่า เมื่อตอนก้าวไกลเป็นแกนนำ พรรคเพื่อไทยยังโหวตให้นายพิธา แต่ตอนนี้ก้าวไกลไม่โหวตให้เพื่อไทย ทำให้เป็นเงื่อนไขของเพื่อไทยที่ต้องรวมพรรค 2 ลุงจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า เรื่องนั้นคนละเงื่อนไข คิดว่าตอนนั้นเรามีความชอบธรรมในการจับมือจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน ตามเจตจำนงของประชาชนผ่านการเลือกตั้ง คนละสภาพการณ์กัน แต่ตอนนี้กำลังเกิดการจัดตั้งรัฐบาลที่บิดเบือน เจตจำนงประชาชนในการเลือกตั้ง นี่เป็นหลักการใหญ่ ไม่ว่าการเสนอปิดสวิตช์ สว. เพื่อให้เคารพผลการเลือกตั้ง
Advertisement