ไฮไลท์การเมือง : 30 ตุลาคม 2566 คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ที่มีนายเสรี สุวรรณภานนท์ สว. เป็นประธาน ร่วมกับคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เกี่ยวกับแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ที่มีนายนิกร จำนง เป็นประธานอนุกรรมการ โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมทั้ง 2 ฝ่ายอย่างพร้อมเพรียง โดยนายเสรี กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องทำประชามติว่าควรจะแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ ดังนั้น ประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญ เป็นประเด็นสำคัญ เมื่อเข้าสู่ช่วงเวลาที่จะแก้ไข ต้องมีจุดเริ่มต้น อย่างไรก็ตาม การจะทำเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะความเห็นที่แตกต่างเป็นความเห็นที่จะต้องหาข้อยุติ เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง
“คนที่มาทำเรื่องเหล่านี้ต้องเป็นที่ยอมรับ เป็นที่น่าเชื่อถือ เมื่อนายนิกร และคณะที่ทำหน้าที่นี้ เชื่อว่ามีความรู้ความสามารถเป็นที่ยอมรับ จะสามารถทำให้กระบวนการรับฟังความคิดเห็นการทำประชามติเดินหน้าลุล่วงไปได้ แต่จะสำเร็จหรือไม่นั้น อยู่ที่สิ่งที่จะดำเนินการต่อไป ซึ่งคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองฯ ติดตามเรื่องนี้มาตลอด และตั้งคณะทำงานขึ้นมา โดยมีนายวันชัย สอนสิริ สว. เป็นประธานอนุทำงานติดตามการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องขอบคุณที่นายนิกรและคณะจะมีทิศทางการดำเนินการอย่างไร อยากให้นายนิกรและคณะ เสนอแนวคิดและแนวทางว่าเราจะร่วมมือกันอย่างไรที่จะดำเนินการเรื่องนี้” นายเสรี กล่าว
ขณะที่นายนิกร กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นครั้งแรกและถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี ซึ่งคณะอนุฯ ดำเนินการเรื่องการทำประชามติ ไม่ใช่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงต้องมาฟังความคิดเห็นจากวุฒิสภา โดยจะรับฟังความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง ใช้เวลาค่อนข้างสั้น ซึ่งสิ่งที่ต้องการคือแบบสอบถามว่าควรจะถามอย่างไรดี และให้ สว.ร่วมตั้งคำถามกับเราด้วย เพราะในส่วนของวุฒิสภา ต้องถามเป็นการเฉพาะ ไม่เหมือนของประชาชน อย่างไรก็ตาม ทางคณะอนุฯ ต้องรอให้สภาฯ เปิดสมัยประชุมก่อน เพื่อรวบรวมความคิดเห็นทั้งหมด
“ทางอนุฯ ตั้งใจว่าจะให้ระบุชื่อผู้ที่ตั้งคำถามว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย หรือสมาชิกบางท่านอาจจะไม่เปิดเผยชื่อก็ได้ ต่อจากนั้นวันที่ 2 พ.ย. ทางคณะอนุฯ จะไปพูดคุยกับคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพริษฐ์ วัชรสินธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล หลังจากนั้นจะสอบถามกับ สส.ทั้งหมด 500 คน เพื่อความเห็นในเรื่องนี้ และวันที่ 8 พ.ย. จะพูดคุยกับเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่ทำเนียบรัฐบาล ทั้งนักเรียน นักศึกษาที่มีอายุเกิน 18 ปี เพราะรัฐธรรมนูญจะใช้กับรุ่นเขามากกว่ารุ่นเรา วันที่ 14 พ.ย. จะต้องพูดคุยกับพรรคการเมืองที่เห็นต่าง คือ พรรคก้าวไกล ที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยไม่แยกหมวด 1 หมวด 2 ขณะที่ในส่วนของรัฐบาลไม่แตะหมวด 1 หมวด 2” นายนิกร กล่าว
นายนิกร กล่าวว่า ได้แจ้งนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกลเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะไปคุยที่พรรคก้าวไกล จากนั้นวันที่ 15 พ.ย. ทางคณะอนุฯ ได้เชิญกลุ่มประชาชนจำนวน 14-15 กลุ่ม ประมาณ 80 คน ซึ่งมีทั้งกลุ่มไอลอว์ กลุ่มคนพิการ เป็นต้น โดยหารือกันที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งจะมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพานิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการการศึกษาทำประชามติ เพื่อรับฟังความคิดเห็นของกลุ่มต่าง ๆ คำถามที่จะถามต่อประชาชนคือ อยากให้แก้หรือไม่ รวมถึงให้เสนอประเด็นต่าง ๆ ได้ เพราะทางคณะอนุกรรมการไม่มีหน้าที่แก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะแก้ทั้งฉบับหรือไม่ เราไม่มีหน้าที่แต่เป็นเรื่องของสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ดำเนินการ นายนิกร กล่าวว่า ทางคณะอนุฯ จะลงพื้นที่ต่างจังหวัดเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนกลุ่มต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นข้อสรุปเสนอไปยังรัฐบาลในต้นปีหน้า จากนั้นรัฐบาลจะนำไปกำหนดเป็นคำถาม อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการทำประชามติยังมีปัญหาอยู่ว่าจะทำกี่ครั้งหรืออย่างไร ซึ่งเราพยายามรวบรวมทั้งหมด โดยในวันที่ 24 พ.ย. จะสรุปเรื่องทั้งหมดครั้งแรก และในประมาณปลายเดือนธันวาคมจะสรุปให้เสร็จ และเสนอให้รัฐบาลต่อไป
Advertisement