ไฮไลท์การเมือง : 12 กุมภาพันธ์ 2567 นายกฯ ลั่นความปลอดภัยของราชวงศ์เป็นเรื่องสำคัญสูงสุด ไม่ควรมีใครให้ท้ายหรือมีขบวนการอยู่ข้างหลัง ย้ำฝ่ายมั่นคงดูแลไม่ให้เกิดปะทะ ใช้ความรุนแรงทำร้ายกัน ชี้เห็นต่างได้ แต่ควรใช้เวทีสภาฯ –วิชาการพูดคุย
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่เรียกผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหารือเกี่ยวกับการรับอารักขาขบวนเสด็จ ว่า เรียกมาเพื่อย้ำว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องที่เราต้องให้การดูแลบุคคลสำคัญ และกำชับให้สำนักข่าวกรองดูแลเรื่องนี้ให้ดีๆ เพราะไม่อยากให้เกิดการปะทะกันขึ้น อยากให้อยู่ด้วยกันด้วยความสามัคคี หากเห็นต่างควรใช้เวทีที่เหมาะสม เช่น สภาฯ หรือเวทีวิชาการ พูดคุยกัน
เมื่อถามว่าตอนนี้มีหลายฝ่ายรวมถึงกองทัพออกมาแสดงพลังเพื่อปกป้องสถาบัน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาทำกันปกติอยู่แล้ว ทุกฝ่ายรวมถึงกองทัพก็รักและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่แล้ว
เมื่อถามย้ำว่าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติรายงานเรื่องการดำเนินคดีอย่างไรบ้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ว่ากันไปตามกฎหมาย ไม่ได้กลั่นแกล้ง ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่ขอวิงวอนเรื่องการใช้ความรุนแรงเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่เห็นด้วย และทุกสถาบันไม่ว่าจะเป็นกองทัพหรือตำรวจอยากเห็นความสมัครสมานสามัคคี
“แน่นอนว่าเรื่องความเห็นต่าง มีอยู่ในสังคมอยู่แล้ว แต่เป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยและใช้เวทีที่ปลอดภัย ไม่คุกคามฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อยากจะอ้อนวอนและวิงวอนให้ทุกฝ่ายเห็นถึงจุดนี้ ตอนนี้ประเทศเดินหน้าไปได้ด้วยดี ความวุ่นวายไม่มีมานานแล้ว ไม่อยากให้มีประเด็นที่ทำให้เกิดความวุ่นวายเกิดขึ้น เป็นเรื่องของฝ่ายความรักษาความปลอดภัยและฝ่ายความมั่นคงที่ต้องดูแล” นายกรัฐมนตรี กล่าว
เมื่อถามว่า กังวลจะเป็นเหตุลุกลามบานปลายหรือไม่ เพราะล่าสุดปะทะกันและขู่ทำร้ายกัน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อยากให้สองฝ่ายลดทอนเรื่องการใช้กำลังหรือการใช้ Hate Speech ลงไป อยากให้ใช้เวทีสาธารณะดี ๆ ทั้งสภาฯ เวทีวิชาการพูดคุยกัน เพื่อให้ปลอดภัยกันทั้งสองฝ่าย เชื่อว่าทุกฝ่ายอยากเห็นประเทศชาติมีความปรองดองสมัครสมานสามัคคีกัน เป็นบรรยากาศที่พูดคุยกันได้ คิดว่าทุกฝ่ายให้ความสำคัญเรื่องนี้ และตนก็ได้เน้นย้ำกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเรื่องนี้ด้วย ต้องระมัดระวังไม่ให้กระทบกระทั่งกัน แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือความปลอดภัยของราชวงศ์เป็นเรื่องสำคัญ
ส่วนที่พรรคก้าวไกลมองเรื่องนี้เป็นความคิดเห็นทางการเมืองที่ควรได้รับการนิรโทษกรรม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่เคยมองไปไกลขนาดนั้น มองว่าเป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายรักษาความปลอดภัยที่ต้องดูแลบุคคลสำคัญของประเทศให้ดีที่สุด ไม่ให้ถูกคุกคามหรือใช้กำลัง ไม่อยากให้เอาเรื่องนี้มาเป็นเรื่องของการเมืองด้วย เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เราต้องยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง
เมื่อถามว่ากลุ่มเยาวชนที่ออกมาทำกิจกรรมยังพูดเรื่องของขบวนเสด็จ จึงทำให้เกิดการปะทะกัน ควรจะหยุดพฤติกรรมหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องการพูดคุยควรมีเวทีที่เหมาะสม เรามีตัวแทนของพี่น้องประชาชนอยู่แล้วในรัฐสภา ควรจะใช้เวทีสภาจะดีกว่าหรือไม่ เพราะเป็นเวทีที่ปลอดภัย และถูกต้องตามครรลองคลองธรรมในระบบประชาธิปไตยอยู่แล้ว ทุกฝ่ายทุกพรรคและคนที่เรารักก็ผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว
“ทุกฝ่ายก็มีตัวแทนอยู่แล้วในรัฐสภา ควรจะใช้เวทีนี้เป็นเวทีพูดคุย ถ้าใช้เวทีอื่น เป็นพื้นที่สาธารณะที่มีคนเยอะ อาจจะกระทบกระทั่งกัน ผมไม่เห็นด้วย เพราะความจริงแล้วมันก็มีคนเดือดร้อน ผมไม่อยากให้เกิดบรรยากาศเหมือนวันที่ 10 ก.พ.ที่เกิดปะทะกลางห้าง เพราะมันไปสู่สายตาของชาวโลก ทุกประเทศก็มีการค้มครอบผู้นำ เป็นเรื่องที่เราต้องให้ความสำคัญสูงสุด” นายกรัฐมนตรี กล่าว
เมื่อถามว่าเรื่องนี้มีผู้ใหญ่ให้ท้าย อยากจะขอความร่วมมืออย่างไรบ้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าผู้ใหญ่ที่ไหนให้ท้าย แต่ถ้าจะให้พูด ไม่ควรมีใครให้ท้ายไม่ควรมีขบวนการอยู่ข้างหลัง เพราะขบวนเสด็จ ท่านเองก็มีภารกิจ พระองค์ท่านมีภารกิจตลอดเวลา
“พระองค์ท่านทรงงานหนักทุกพระองค์ เพราะฉะนั้นในการเดินทางของทุกพระองค์เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญสูงสุด และฝ่ายที่เห็นต่าง อย่างที่ผมบอกผมใช้คำไปหลายหนแล้ว ให้ใช้เวทีที่ปลอดภัย เรามีสภาฯ เรามีนักวิชาการ เราก็ต้องพูดคุยในเวทีที่ถูกต้อง ไม่อยากให้เป็นเวทีที่ใช้คำว่าท้าทาย เช่น ตามศูนย์การค้าต่าง ๆ ไม่เหมาะสม เพราะผมเชื่อว่ามันไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ถูกต้อง สถานที่ชอปปิ้งต่าง ๆ ก็มีคนที่เขาไปพักผ่อน แล้วเห็นบรรยากาศแบบนั้น อีกทั้งยังมีนักท่องเที่ยว ผมเชื่อว่าไม่มีใครอยากให้เกิดแบบนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่หวังดีต่อประเทศชาติ ไม่อยากให้เกิดบรรยากาศนี้แน่นอน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
Advertisement