ไฮไลท์การเมือง : 18 พฤษภาคม 2567 นายกฯ ให้สัมภาษณ์ผลเยือนอิตาลีวันที่สอง เยี่ยมชมโรงงานผลิตสินค้าส่งออกขึ้นชื่อของอิตาลี ชีส แฮม ซาลามี เรียนรู้นำเทคนิคปรับใช้ช่วยเหลือเกษตรกรไทยเพิ่มมูลค้าผลิตภัณฑ์
วันนี้ (18 พฤษภาคม 2567) เวลา 13.55 น. (ตามเวลาท้องถิ่นเมืองปาร์มา ซึ่งช้ากว่ากรุงเทพฯ 5 ชั่วโมง) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ภารกิจการเยือนสาธารณรัฐอิตาลี โดยเมื่อวาน (17 พฤษภาคม 2567) นายกรัฐมนตรียังได้ไปบริษัท Versace บริษัทแฟชั่นระดับโลก มีร้านค้าที่ไทย ยอดขายดี โดยไทยเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายหลัก ทำยอดขายได้ดีมาก บริษัทมีความน่าสนใจเพราะเป็นแบรนด์ที่ทำเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ นายกรัฐมนตรีได้พูดคุยถึงแผนการในระยะยาวว่าไทยจะทำอะไรในด้านการท่องเที่ยว ทั้งงาน Formula1 Formula E กิจกรรมคอนเสิร์ต งาน Michelin World Food Fair ที่เชียงใหม่ เป็นต้น
ในส่วนของกรอบความคิด เรื่องไลฟ์สไตล์สอดคล้องกับแฟชั่น ทางบริษัทพยายามอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะมาเป็นส่วนหนึ่งของการทำนิทรรศการเหล่านี้ได้หรือไม่ เพื่อกระตุ้นยอดขายของบริษัท และสนับสนุน festival ของไทย โดยบริษัทชื่นชมที่ได้รับรู้ว่าไทยมีแผนจะส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวให้เติบโต และอยากเป็นส่วนหนึ่งในการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย ซึ่งถือเป็นเรื่องน่ายินดี
สำหรับวันนี้ นายกรัฐมนตรีได้ไปเยี่ยมชม 2 โรงงาน ได้แก่ โรงงานผลิตชีสของบริษัท BONI S.p.A. และ โรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์ของ Italia Alimentari ที่เมืองปาร์มา ห่างจากเมืองมิลานประมาน 1.30 ชั่วโมง ทั้งนี้ สินค้าจำพวกชีส แฮม ซาลามี เป็นสินค้าที่มีมาเป็นพันปี และอิตาลีมีชื่อเสียงในการส่งออก โดยสิ่งสำคัญคือการรักษามาตรฐานการผลิต ไม่ใช่เพียงการแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม เพราะเป็น Italian Product มีมาตรฐานในการควบคุมการผลิตทุกขั้นตอน ทำให้สามารถยกระดับราคาไปได้อีกระดับ ส่งผลสนับสนุน ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ ที่เอานมมาทำเป็นชีส สามารถมีรายได้เพิ่มขึ้นมาก นอกจากนี้ ทางภาครัฐ รวมถึงหน่วยงานที่เข้ามาให้การรับรอง ทำการตรวจสอบสม่ำเสมอ ถ้าสิ่งใดไม่ได้มาตรฐานก็จะไม่รับรองให้ ก็จะขายไม่ได้หรืออาจต้องขายเป็น second grade product ซึ่งนี้ถือเป็นการควบคุมคุณภาพที่เป็นจุดแข็งของอิตาลี และเป็นที่ทราบกันดีว่า แม้แต่สินค้าพื้นเมือง การใช้เทคโนโลยี สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ และทำให้ margin การทำกำไรได้สูงขึ้น ถือว่าไทยทำการบ้านครั้งใหญ่ อาทิ การทำแคปหมู เนื้อเค็ม ไส้อั่ว กุนเชียง ซึ่งคล้ายคลึงกับการทำซาลามี แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ได้ทำได้ทันที อิตาลีมีประวัติศาสตร์ในการทำเรื่องนี้มานานมาก และทำให้ประเทศมีชื่อเสียงในเรื่องนี้อย่างมโหฬาร เป็น Key Learning Point ที่นายกรัฐมนตรีจะนำไปหารือกับกระทรวงการเกษตรและสหกรณ์ว่าสามารถช่วยเหลือพี่น้องได้อย่างไร
Advertisement