ไฮไลท์การเมือง : 3 กรกฎาคม 2567 นายกฯ เป็นประธานประชุมหน่วยขึ้นตรง กอ.รมน. (วาระพิเศษ) เผย รัฐบาลเตรียมวัดผลการป้องกันและการปราบปรามยาเสพติด อย่างเป็นรูปธรรมภายใน 1 ก.ย. 67 สั่งการ กอ.รมน. สนับสนุนการป้องกัน และปราบปรามยาเสพติดอย่างเต็มที่
วันนี้ (3 กรกฎาคม 2567) เวลา 14.30 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 3 อาคารรื่นฤดี สำนักงาน กอ.รมน. ถนนนครราชสีมา เขตดุสิต กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหน่วยขึ้นตรง กอ.รมน. (วาระพิเศษ) และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม คณะกรรมการอำนวยการ และส่วนราชการที่ร่วมบูรณาการ ร่วมประชุมด้วย
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผยว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวเปิดการประชุมว่า เดือนนี้เป็นเดือนมหามงคล เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม ขอให้ทุกส่วนราชการร่วมมือกันอย่างเต็มที่ ในการจัดโครงการและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีและความสามัคคี สำหรับเรื่องยาเสพติด เป็นวาระแห่งชาติที่รัฐบาลจะวัดผลเป็นรูปธรรมให้ได้ภายในวันที่ 1 กันยายน 2567 นี้ และจะมีการรายงานผล มีสถิติในแง่การป้องกันและการปราบปรามที่สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ เพื่อแสดงให้ถึงความพยายามของทุกภาคส่วน อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าปัจจุบันยาเสพติดยังมีปริมาณมาก นับเป็นเรื่องยากไม่น้อยกว่าการปราบปราม คือการสร้างความเชื่อมั่นให้กับสังคม ทั้งด้านการบำบัดรักษา เพื่อเปลี่ยนผู้เสพยาเสพติดให้เป็นพลเมืองที่ดี มีสุขภาพดีทั้งกายและใจ พร้อมกลับไปเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวและสังคม ทั้งนี้ ขอให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ในฐานะหน่วยงานที่มีอำนาจตามกฎหมายในด้านความมั่นคงภายใน สนับสนุนการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอย่างเต็มที่ เต็มกำลังความสามารถ
จากนั้น ภายหลังการประชุมฯ นายกฯ กล่าวมอบนโยบายว่า ขอให้เร่งดำเนินการเรื่องการบริหารจัดการที่ดินในการครอบครองของกองทัพเพื่อให้ประโยชน์แก่ประชาชน โดยที่ดินทำกินเป็นต้นทุนที่สำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกคน โดยขณะนี้ใกล้จะถึงฤดูฝน ขอให้ กอ.รมน. เตรียมความพร้อมในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่จะเกิดขึ้น สำหรับเรื่อง PM2.5 แม้จะหมดฤดู PM2.5 ขอให้เตรียมความพร้อมที่จะรับมือ PM2.5 ในฤดูแล้งที่จะเริ่มต้นขึ้นในต้นปีหน้า นอกจากนั้น ขอให้หน่วยงานที่เป็นเจ้าภาพ จัดระเบียบ กำหนดเป้าหมายการดำเนินการที่ชัดเจนทั้งในเชิงคุณภาพและปริมาณ หากมีปัญหาในทางปฏิบัติโดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับพื้นที่ ให้อาศัยโครงสร้าง กอ.รมน. เป็นกลไกในการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหา ส่วนเรื่องการแก้ไขปัญหาแรงงาน ขอให้ ผู้อำนวยการ กอ.รมน. จังหวัด ใช้กลไก กอ.รมน. สนับสนุนการทำงานเรื่องการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาและจัดระเบียบแรงงานต่างด้าว ซึ่งจะให้มีการลงทะเบียนต่อไปเร็ว ๆ นี้ จะเป็นการแก้ปัญหาแรงงานผิดกฎหมาย รวมถึงผลกระทบจากสถานการณ์ในเมียนมาที่แรงงานครบวาระการจ้างงานแต่ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศได้ โดยให้ดำเนินการในมิติที่ไม่ซ้ำซ้อนกับภารกิจที่กระทรวงแรงงานเป็นเจ้าภาพที่ดำเนินการอยู่
นายกฯ กล่าวอีกว่า ปัญหายาเสพติดมีแนวโน้มดีขึ้น แต่ต้องยอมรับว่ามีอยู่อย่างแพร่หลายทั่วทุกจังหวัด การแก้ปัญหาเป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนสำคัญของรัฐบาล ซึ่งได้มีการลงพื้นที่ติดตามงานหลายภาคทั้งในภาคเหนือ ภาคอีสาน ซึ่งจังหวัดร้อยเอ็ดและจังหวัดน่าน เป็นโมเดลในการแก้ปัญหายาเสพติดให้เป็นจังหวัดสีขาว โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบ บูรณาการการทำงานกับผู้บังคับการจังหวัด และร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประชาชนในพื้นที่ เพื่อดำเนินการ ดังนี้
- การป้องกันและปราบปราม ให้หน่วยงานปราบปราม X-ray ในพื้นที่ เพื่อแยกผู้เสพ นำออกมารับการบำบัด ขยายผลการจับกุมผู้ขายเพื่อดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด
- การบำบัด ให้กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม ร่วมกันจัดหาสถานที่บำบัดให้เพียงพอ โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงแรงงานเข้ามาช่วยการส่งตัวคืนชุมชน ต้องฝึกอาชีพและหางานทำให้มีรายได้เพียงพอเลี้ยงชีวิต
- การดูแลเยาวชน ให้กระทรวงศึกษาธิการหามาตรการที่เหมาะสมเพื่อสอดส่องดูแลสถานศึกษา และร่วมกันในการปลูกฝังค่านิยมใหม่ เด็กและเยาวชนต้องไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เช่น การปฏิญาณตนหน้าเสาธงตอนเช้า เป็นต้น
- ให้สำนักงาน ป.ป.ส. กำหนดเป้าหมายและ KPI ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เน้นการสร้างการมีส่วนร่วมและความเชื่อมั่นให้กับประชาชน
- ตามข้อเสนอของ กอ.รมน. ให้เลขาธิการ ป.ป.ส. ไปพิจารณาความเหมาะสมอีกครั้ง ว่ารูปแบบการทำงานควรเป็นอย่างไร จึงจะสอดคล้องกับการทำงานที่ดำเนินการอยู่ ในระยะสั้นขอสนับสนุนกำลังเจ้าหน้าที่ที่ร่วมปฏิบัติงานกับศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของศูนย์ฯ จากโครงสร้างและอัตราที่มีอยู่เดิม ทั้งงานในมิติการป้องกันปราบปราม บำบัด และสร้างความเชื่อมั่น โดยให้มีการกำหนดเป้าหมาย และตัวชี้วัดการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรมของ กอ.รมน. ที่สอดคล้องกับตัวชี้วัดของ ป.ป.ส. และรายงานผลการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง
Advertisment