⇒ “พล.อ.ประวิตร” ประกาศพร้อมเป็น นายกฯ คนที่ 30 ก้าวข้ามความขัดแย้ง จับมือได้กับทุกพรรค
ไฮไลท์การเมือง : 17 มกราคม 2566 พล.อ.ประวิตร ประกาศพร้อมเป็นนายกฯ คนที่ 30 หากประชาชนให้โอกาส ยันจับมือได้กับทุกพรรค ตามนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้ง ประเดิมเปิดนโยบายแรกเพิ่มวงเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 700 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเป็นประธานในการเปิดนโยบายพรรคพลังประชารัฐ โดยมี กรรมการบริหารพรรคมาร่วมงานกันอย่างพร้อมเพรียง
พลเอกประวิตร กล่าวว่าพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และบริหารประเทศมากกว่า 4 ปี และเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ด้วยอุดมการณ์ และนโยบายของพรรคที่ยึดมั่นการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สร้างความสามัคคีปรองดองให้คนในชาติ เป็นประชาธิปไตยอย่างมีเสถียรภาพ ไร้ความขัดแย้ง สร้างความสงบสุข ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และในช่วงที่เป็นรัฐบาลพรรคพลังประชารัฐได้ขับเคลื่อนนโยบายมีผลงานที่เป็นรูปธรรมตอบสนองความต้องการของประชาชน ทั้งทางด้านเศรษฐกิจสังคมและความมั่นคงของประเทศ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำตามนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและการบริหารจัดการน้ำ การจัดการที่ดิน การปราบปรามการค้ามนุษย์และอื่นๆอีกมากมาย
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่ายังมีโจทย์ทางการเมือง ที่เตรียมแก้ไข คือ ยังมีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายแบ่งแยก ตนจึงขอยืนยันจุดยืนของพรรคพลังประชารัฐอย่างหนักแน่นว่าเราพร้อมที่จะสานสัมพันธ์กับทุกฝ่าย เพื่อก้าวข้ามผ่านความขัดแย้ง และเพื่อสร้างพลังแห่งความสามัคคี เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายเข้ามา เพื่อหาทางออกร่วมกันนำพาประเทศไปสู่เป้าหมายที่ดีที่สุดสำหรับคนไทยทุกคน ก้าวข้ามผ่านความขัดแย้งและเดินหน้าสู่ความสงบสุขของบ้านเมือง
พร้อมระบุว่า พรรคพลังประชารัฐ มีบุคลากรที่เข้าใจปัญหาของพี่น้องเข้าใจในแต่ละพื้นที่และอาสาเข้ามาเป็นผู้แทนในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาประเทศ พร้อมที่จะสานต่อนโยบายที่ดีและมีนโยบายใหม่เพื่อให้คนไทย ได้เห็นถึงความพร้อมของพรรคพลังประชารัฐ ที่จะแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในทุกพื้นที่ทุกเพศทุกวัยด้วยคำว่า “พลัง สามัคคี ประชามีสุข รัฐพลิกโฉมบริการ”
หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประกาศเดินหน้านโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 700 บาทต่อเดือน ให้กับประชาชน ในส่วนงบประมาณที่จะนำมาใช้เพื่อเพิ่มวงเงินในบัตร จะนำมาจากงบประมาณในช่วง 3 เดือนสุดท้าย ของงบประมาณปี 2566 หลังจากได้รับเลือกตั้ง ทั้งนี้หากมีผู้ได้รับสิทธิ์ ประมาณ 18 ล้านคน คาดว่าจะต้องใช้งบประมาณเดือนละ 1.2 หมื่นล้านบาท หรือ ปีละ 1.5 แสนล้านบาท โดยหากได้รับเลือกและเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลพร้อมที่จะเดินหน้านโยบายนี้ทันที พร้อมกันนี้คณะกรรมการบริหารพรรครวมถึงรัฐมนตรีได้ถ่ายรูปร่วมกันและ ชู 7 นิ้ว ที่สื่อถึงนโยบายแรก บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 700 บาทต่อเดือน
ด้าน นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ยืนยันว่า นโยบายเพิ่มเงินสวัสดิการแห่งรัฐ จะทำทันทีหากได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และหลังจากนี้จะทยอยเปิดนโยบายอื่นๆของพรรคพลังประชารัฐตามมา
ด้านพลเอกประวิตร กล่าวถึงความพร้อมที่จะเป็น นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ว่า ถ้าประชาชนเลือกเข้ามาให้ตนเป็นนายกรัฐมนตรี ตนก็จะเป็นนายกรัฐมนตรี และพรรคมีนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้ง และยังไม่ได้บอกว่าจะจับมือกับใครเลย แต่สามารถคุยกับพรรคการเมืองได้ นอกจากนี้ สื่อมวลชนพยายามถามถึง ประเด็นการลาประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อเดินทางไปจังหวัดราชบุรี รวมถึงประเด็นการกลับมาของ ร้อยเอก ธรรมนัส อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ พลเอกประวิตร ไม่ตอบคำถามดังกล่าว พร้อมกับเดินทักทายสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ก่อนที่จะขึ้นไปประชุมที่ห้องทำงาน บนอาคารพรรคพลังประชารัฐ
Advertisement