⇒ “พล.อ.ประวิตร” สั่งเก็บกักน้ำรับแล้งในอีสาน
ไฮไลท์การเมือง : 6 กุมภาพันธ์ 2566 “พล.อ.ประวิตร” ลงพื้นที่ขอนแก่น-ชัยภูมิ ติดตามสถานการณ์น้ำ สั่งเก็บน้ำรับหน้าแล้ง ย้ำอีสานต้องไม่ขาดน้ำ ชาวบ้านสะท้อนพัฒนาการน้ำเข้าถึงตัวมากขึ้น
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และคณะ ลงพื้นที่ จ.ขอนแก่น และ จ.ชัยภูมิ เพื่อประเมินสถานการณ์น้ำภาพรวม และตรวจติดตามความคืบหน้าโครงการกักเก็บน้ำต้นทุน โดยรับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคอีสาน ที่ปัจจุบันความจุกักเก็บน้ำภาพรวมอยู่ที่ 60-70% พื้นที่กักเก็บน้ำยังไม่พอ มีพื้นที่เสี่ยงน้ำน้อยนอกเขตชลประทานจากฝนทิ้งช่วง ความคืบหน้าการบริหารจัดการน้ำปี 61-65 จ.ขอนแก่น ได้รับงบประมาณบริหารจัดการน้ำรวมกว่า 7,500 ล้านบาท มีพื้นที่รับประโยชน์กว่า 180,000 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์กว่า 120,181 ครัวเรือน ความจุกักเก็บน้ำเพิ่ม 123.4 ล้าน ลบ.ม.
จ.ชัยภูมิ มีพื้นที่รับประโยชน์กว่า 105,111 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์กว่า 100,393 ครัวเรือน ความจุกักเก็บน้ำเพิ่ม 37 ล้าน ลบ.ม. ต่อจากนั้นได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมชมความคืบหน้าโครงการแก้มลิงแก่งน้ำต้อน ต.ดอนช้าง เป็นแหล่งเก็บกักน้ำรองรับแม่น้ำชีล้น เพื่อบรรเทาน้ำล้นตลิ่งและกักเก็บน้ำไว้ใช้ฤดูแล้ง พร้อมทั้งพบปะและรับฟังปัญหาจากประชาชนในพื้นที่ โดยประชาชนขอให้พัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ต่อเนื่อง โดยชื่นชมการบริหารจัดการน้ำปัจจุบัน เข้าถึงประชาชนในพื้นที่มากขึ้นต่อเนื่อง
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การแก้ปัญหาน้ำ ถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่มุ่งมั่นดำเนินการอย่างจริงจังมาต่อเนื่อง โดยกำชับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กรมชลประทาน และหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ กักเก็บน้ำให้ได้มากที่สุดปลายฤดูฝน เพ่งเล็งพื้นที่เสี่ยงขาดน้ำจากฝนทิ้งช่วง ย้ำอีสานต้องไม่ให้ขาดแคลนน้ำ จึงขอให้ดำเนินการ 10 มาตรการรับฤดูแล้ง และเร่งรัดความคืบหน้าโครงการแหล่งกักเก็บน้ำต้นทุน ทั้งน้ำบนดินและน้ำใต้ดิน พร้อมทั้งบริหารระบบกระจายน้ำให้ทั่วถึง ซึ่งต้องเร่งทำคู่กันกับการฟื้นฟูป่าต้นน้ำและแหล่งแก้มลิงที่มีอยู่เดิม เพื่อให้พื้นที่เสี่ยงขาดน้ำมีน้ำใช้อย่างเพียงพอเชื่อมโยงกับการบริหารจัดการน้ำจากลำน้ำสายหลักในระยะยาว
โดยในช่วงบ่าย พล.อ.ประวิตร ได้เดินทางไป จ.ชัยภูมิ ตรวจติดตามการบริหารจัดการน้ำ ความคืบหน้าโครงการก่อสร้างและการเพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บน้ำ พร้อมทั้งพบปะรับฟังปัญหาจากประชาชนในพื้นที่
Advertisement