ไฮไลท์การเมือง : 12 กันยายน 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจงเป็นครั้งที่ 5 หลังจากนายชวน หลีกภัย อภิปรายนโยบายรัฐบาล โดยกล่าวย้อนหลังไปถึงสาเหตุที่ไม่โหวตให้นายกรัฐมนตรี เพราะมาจากพรรคการเมืองเลือกปฏิบัติที่เลือกปฏิบัติในการดูแลประชาชน และมีการละเมิด จนเป็นสาเหตุหนึ่งในเหตุการณ์ความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมระบุในอดีต มีนักธุรกิจเข้ามาทำธุรกิจการเมืองทำให้ประเทศเสียหาย
โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณนายชวนที่ให้โอวาทกับตนเอง ซึ่งรู้สึกเป็นเกียรติ น้อมรับคำติ คำแนะนำ และข้อควรระวัง แม้นายชวนอาจจะไม่ได้รู้จักผมดีพอ ที่เรียกชื่อผมผิดในตอนแรกว่า “เชษฐา” ไม่ใช่ “เศรษฐา” แม้ว่าจะเป็นนักธุรกิจมาก่อน แต่ยืนยันการที่มายืนตรงนี้ เพราะมีรักประเทศชาติ มีความต้องการที่จะเห็นพี่น้องประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น การมายืนตรงนี้และดำรงตำแหน่งอันทรงเกียรติและในสภาอันทรงเกียรติ ตนมาด้วยความความตั้งใจด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง ตั้งใจที่จะทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ และคิดว่าตนก็มีความรู้ในระดับหนึ่งเกี่ยวกับปัญหาของพี่น้องประชาชน
ส่วนที่ท่านชวนได้กรุณาบอกมาว่า มีหลายชีวิตที่ต้องสูญเสียไปใน 20 กว่าปีที่ผ่านมา เป็นเรื่องที่ตนเองก็เข้าใจและเห็นว่าทุกชีวิตที่ต้องสูญเสียแม้หนึ่งชีวิตก็ถือว่ามากเกินไป และยังเห็นตรงกันว่าการสูญเสียไม่ควรจะเกิดขึ้น ส่วนวิธีการแก้ไขปัญหาต้องเข้าใจถึงความลึกของปัญหาหลัก และหาวิธีการที่จะปฏิบัติต่อไปในอนาคต
ตนมั่นใจว่ารัฐบาลที่มาจากประชาชนโดยพรรคร่วม 11 พรรคให้ความสำคัญสูงสุดกับพื้นที่ภาคสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ยิ่งหย่อนกว่าปัญหาอื่นๆ ส่วนการเลือกปฏิบัติก็เป็นข้อถกเถียงกันมานาน ตนเองเท่าที่ติดตามการเมืองก็ได้ยินนายชวนได้มีการกล่าวถึงการเลือกปฏิบัติ “ตนคงไม่ไปถกเถียงกับท่านด้วย และน้อมรับข้อมูลที่ท่านที่พูดมา แต่ผมก็มีข้อมูลของผมเหมือนกันว่าเมื่อพรรคไทยรักไทย ซึ่งขณะนั้นเกิดวิกฤติสึนามิขึ้นมาท่านอดีตนายกทักษิณก็ลงพื้นที่ พร้อมกับผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเข้าไปเกาะเข้ากินอยู่ในพื้นที่ดูแลพี่น้องชาวภูเก็ตและจังหวัดข้างเคียงเต็มความสามารถ จนทำได้เป็นที่ชื่นชมของชาวโลก”
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า การเลือกปฏิบัติ ต่อพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งในประเทศไทย โดยผู้บริหารสูงสุดของประเทศถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่สมควร เราเป็นรัฐบาลที่มาจากประชาชน แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่มี ส.ส.ในภาคใต้ก็ตาม แต่เป็นความตั้งใจอันสูงสุดของตนในฐานะนายกรัฐมนตรี ที่ต้องให้ความเป็นธรรม ให้ความเสมอภาค ให้ความเท่าเทียมกับพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน
“ท่านประธานที่เคารพ ตั้งแต่ยังไม่ได้รับอำนาจเต็มที่ในการบริหารงาน จังหวัดแรกที่ผมลงพื้นที่คือภูเก็ต แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่มี ส.ส.เลยแม้แต่คนเดียว ตนก็ให้ความสำคัญกับจังหวัดภูเก็ต ผมว่าการกระทำเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ดีกว่าคำพูด เพราะรัฐบาลนี้จะบริหารราชการแผ่นดินอย่างเต็มที่ อีกสองอาทิตย์ก็จะลงไปติดตามความคืนหน้าจากที่ได้สั่งการไว้เมื่อลงพื้นที่ครั้งแรก”
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า เมื่อครู่ก็มีการประชุมเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ดูเรื่องความเป็นไปได้ในการจะสร้างสนามบินนานาชาติภูเก็ต ซึ่งทีมงานก็มีการเสนอเข้ามาว่า เพื่อเป็นการเข้าถึงไม่ควรใช้ชื่อสนามบินนานาชาติภูเก็ต แต่อาจจะใช้คำว่าสนามบินอันดามันซึ่งจะครอบคลุมไปถึงจังหวัดพังงา กระบี่ และระนอง ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่า แม้พรรคเพื่อไทยไม่มี ส.ส. แม้แต่คนเดียว แต่การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตนมีเจตนาชัดเจนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของประชาชนคนไทยทุกคน
Advertisement