12 กุมภาพันธ์ 2567 วิวาทะของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน กับผู้สื่อข่าวที่ถามกรณีความทรงจำไม่ดีที่ถูกกล่าวถึงในรายงานของอัยการพิเศษ ส่งแรงกระเพื่อมในสนามการเมืองทั้งในหมู่ฐานเสียงพรรคเดโมแครต รวมถึงคู่แข่งในฝั่งพรรครีพับลิกันที่หยิบประเด็นนี้มาขยายผล
วิดีโอการสัมภาษณ์ผู้คน ที่ทีมงานรณรงค์หาเสียงของนิกกี เฮลีย์ หนึ่งในผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งประธานาธิบดี ถูกนำมาเผยแพร่อีกครั้งในวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยผู้ถูกสัมภาษณ์ระบุว่า เห็นด้วยกับการให้นักการเมืองต้องทดสอบสมรรถภาพทางความคิดความอ่าน
การรณรงค์หาเสียงของเฮลีย์ยังมีการใช้ข้อความว่า “ไบเดนไม่มีความสามารถทางความคิดความอ่านที่ดีพอสำหรับการเป็นประธานาธิบดี”
เจสัน มิลเลอร์ ที่ปรึกษาอาวุโสในทีมหาเสียงของโดนัลด์ ทรัมป์ หนึ่งในผู้ท้าชิงตำแหน่งแคนดิเดต ปธน.ของพรรครีพับลิกัน ระบุว่า “ไปเดนไม่น่าจะ (มีความจำ) เฉียบแหลมขึ้นกว่านี้ในเดือนพฤศจิกายน”
ด้านกรรมการด้านกิจกรรมการเมืองของทรัมป์ ยังระบุด้วยว่า ไบเดนไม่เพียงจะแก่ชรา แต่ยังเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติด้วย
ปธน.สหรัฐฯ คนปัจจุบัน ตกเป็นฝ่ายตั้งรับกระแสโจมตีนับตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หลังผู้สื่อข่าวรายหนึ่งกล่าวถึงอายุไบเดนที่เป็นความกังวลของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง และถามถึงประเด็นในรายงานของอัยการพิเศษกรณีการดูเเลเอกสารราชการที่มีความอ่อนไหว ที่ระบุว่า ตัวเขาเป็น “ชายแก่ที่มีความจำไม่ดี” แต่ “เห็นใจผู้อื่นและมีเจตนาดี”
ในวันนั้น ไบเดนตอบโต้นักข่าวว่า “ผมมีเจตนาดี ผมเป็นชายเเก่ และผมรู้ตัวดีอย่างแน่นอนว่ากำลังทำอะไรอยู่…ผมเป็นประธานาธิบดี ผมทำให้ประเทศนี้กลับมายืนได้อีกครั้ง ผมไม่ต้องการคำเเนะนำของเขา”
ไม่เพียงเท่านั้น ระหว่างที่เขาแถลงข่าว ยังเผลอพูดชื่อประเทศผิดจากอียิปต์เป็นเม็กซิโก ขณะที่กำลังพูดถึง ปธน.อียิปต์ อับเดล ฟัตตาห์ เอล-ซิสซี และเรื่องความพยายามส่งความช่วยเหลือให้ประชาชนในฉนวนกาซ่า ซึ่งถือเป็นครั้งที่สามในรอบไม่กี่สัปดาห์ที่เขาพูดชื่อผู้นำประเทศสลับกัน
ไบเดนระบุว่า “ในช่วงแรก ประธานาธิบดีของเม็กซิโก ซิสซี ไม่ต้องการเปิดด่านให้สิ่งของทางมนุษยธรรมเข้าไป”
ความผิดพลาดของไบเดนในช่วงที่สหรัฐฯ กำลังเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้งผู้นำสูงสุดในเดือนพฤศจิกายนนี้ ไม่เพียงตอกย้ำความกังวลเรื่องอายุของเขาในหมู่ฐานเสียงพรรคเดโมแครต แต่ยังหนุนเสริมแนวทางการหาเสียงของฝ่ายรีพับลิกัน ที่ระบุว่า เขาไม่เหมาะที่จะนำประเทศต่อ
คารีน ฌอง-ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาว ออกมาตอบโต้ว่า ตลอดสามปีที่ผ่านมา ไบเดนได้ “ดูแลเรื่องเศรษฐกิจ ได้ดูแลเรื่องสาธารณสุข และได้เปลี่ยนแปลงประเทศนี้ให้ดีขึ้น”
ที่ผ่านมา คำถามประเด็นสุขภาพกายและสุขภาพจิตของไบเดนมักปะทุขึ้น เมื่อเขาพูดผิด พูดติด ๆ ขัด ๆ หรือแม้แต่ตอนที่ผู้นำสหรัฐฯ ตกจากจักรยานเมื่อปี 2022
อย่างไรก็ตาม วิลเลียม ฮาวเวลล์ ศาสตราจารย์ด้านการเมืองอเมริกันจากมหาวิทยาลัยชิคาโก ระบุว่า งานของการเมืองการปกครอง คืองานของการจัดการ การสร้างทีมและสร้างแนวร่วม ซึ่งในแง่นี้ ไบเดนยังไม่มีประเด็นใดที่น่ากังวล
โพล NBC News ที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พบว่าผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงในสหรัฐฯ 76% มีความกังวลปานกลางถึงมาก ต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตของไบเดน ส่วนความกังวลในประเด็นเดียวกันที่มีต่อทรัมป์อยู่ที่ 48% แม้อดีตผู้นำสหรัฐฯ ที่อาจเป็นตัวแทนรีพับลิกันลงสนามเลือกตั้งในปีนี้จะพูดผิดมาหลายครั้ง รวมถึงเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ที่ทรัมป์จำชื่อ นิกกี เฮลีย์ สลับกับอดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ แนนซี เพโลซี ขณะขึ้นเวทีหาเสียง
ข้อมูลจาก วีโอเอ
Advertisement